วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

Oyako Donburi (ข้าวหน้าไก่)

















วันนี้ขอรีเมคเมนูที่ชอบรับประทานมากๆ และเคยแจกสูตรไปแล้วนานมากแล้วค่ะ แต่มีเสียงตอบรับบอกว่าคราวก่อน ขั้นตอนไม่ละเอียดอยากให้มารีเมคให้ทำตามง่ายๆ อันนี้แม่ครัวไม่ขัดข้องค่ะ

ส่วนผสม โอยาโก ดงบุริ
เนื้อไก่ส่วนอก หั่นเป็นชิ้นพอคำ 500 กรัม
น้ำต้มกระดูกไก่ 250 มิลลิลิตร
ซอสถั่วเหลือง
น้ำส้มสายชู
กรณีที่อยากได้แบบสูตรแท้ดั้งเดิม ใช้เหล้ามิรินและผงดาชิแทนนะคะ แต่แม่ครัวหาส่วนผสมไม่ได้เลยประยุกต์เอาเอง
หัวหอมซอย
ต้นหอม
เห็ดชิตาเกะ
ไข่ไก่ 1-2 ฟอง

วิธีทำ
  1. ต้มน้ำต้มกระดูกไก่ให้เดือด ถ้าใครใช้ผงดาชิก็ให้ต้มน้ำผสมผงดาชิเลยนะคะ เป็นผงปลาแห้งค่ะเท่าที่ทราบ พอน้ำเริ่มเดือดเราใส่ซอสถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1-2 ช้อนโต๊ะ ให้รสออกหวานนำเค็ม
  2. แบ่งน้ำซุปใส่ลงในกระทะแพนเค้กเล็กๆ ถ้าใครมีกระทะสำหรับทำโอยาโก ดงบุริโดยเฉพาะจะเจ๋งมากค่ะ เพราะจะได้ขนาดพอดีถ้วยเลย
  3. เติมหัวหอม เห็ด และเนื้อไก่ลงไปและปรุงจนสุก ขั้นตอนนี้แอบชิม แอบปรุงต่อเอาให้ได้รสที่ชอบนะคะ
  4. เตรียมตอกไข่ไก่ และยีให้ฟู จากนั้นราดไปบนส่วนผสมในกระทะที่ร้อนระอุรออยู่แล้ว ตรงนี้ใครชอบไข่ดิบหรือไข่สุก เลือกเอาตามชอบ แม่ครัวชอบไข่สุกๆ ค่ะ
  5. เวลาเสิร์ฟให้ราดบนข้าวร้อนๆ โรยหน้าด้วยต้นหอม ^^ ฝีมือตัวเองน่ารับประทานที่สุด ต้องยอตัวเอง ให้เกิดกำลังใจ

ขอให้มีความสุขกับเมนูนี้นะคะ



วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

โจ๊กข้าวกล้องหมูเด้ง (Congee with pork)



อาหารหากินง่าย ที่บ้านเรา แต่มาทำจริงๆ ไม่ได้ง่ายนะคะ ขั้นตอนยุ่งยากพอสมควร แต่รับรองว่าสนุกและอร่อยแน่นอนค่ะ

ส่วนผสมโจ๊กข้าวกล้องหมูเด้ง
ข้าวกล้องหุงสุก 2 ถ้วย
น้ำต้มกระดูกหมู 500 ซีซี
หมูสับ 100 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงสด

วิธีทำ
  1. นำหมูสับมาหมักด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย รากผักชี ไข่ไก่ และแป้งมัน
  2. คลุกเคล้าให้เข้ากัน ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงค่ะ
  3. จากนั้นนำข้าวกล้องหุงสุก มาปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด ใครไม่มีที่ปั่นใช้ตำก็ได้นะคะ เน้นให้เละไว้ก่อน หรือใครจะไม่ปั่นไม่ตำ ก็ไม่ว่ากันค่ะ ถ้าไม่ปั่นไม่ตำ ต้องเคี่ยวนานหน่อยเท่านั้นเอง
  4. นำน้ำต้มกระดูกหมูไปตั้งไฟจนเดือด จากนั้นนำข้าวกล้องปั่นของเราใส่ลงไป ขั้นตอนนี้ต้องระวังอย่าไปใส่ข้าวเร็วไปเพราะจะได้โจ๊กที่มีน้ำเละๆ ไม่ข้นนะคะ ลดไฟเหลือไฟปานกลางและเคี่ยวไปเรื่อยๆ หมั่นคนข้าวบ่อยๆ เพราะข้าวจะชอบติดก้นหม้อและไหม้ได้ค่ะ คนไปจนเนื้อโจ๊กเนียนเข้ากัน ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง
  5. นำหมูสับที่เราหมักเตรียมไว้ ปั้นเป็นก้อน ขนาดพอคำ ค่อยๆหยอดลงไป อยากกินหมูมากเท่าไหร่ก็ใส่ลงไปเท่านั้นค่ะ แม่ครัวเน้นโปรตีน เลยใส่ไปเต็มหม้อเลย ฮ่าๆๆ
  6. พอเนื้อหมูสุกดี ปิดไฟ และตักเสิร์ฟร้อนๆ ตกแต่งด้วยขิงสด กระเทียมเจียว ต้นหอม ใครจะใส่ไข่ก็ได้ อันนี้ตามชอบเลยค่ะ
แม่ครัวภูมิใจกับเมนูนี้เป็นพิเศษค่ะ อาจเป็นเพราะขั้นตอนเยอะ และต้องอดทนเคี่ยวข้าวกล้องนานมากๆ กว่าจะได้โจ๊กหน้าตาสวยๆ รสดีๆมารับประทาน หวังว่าทุกท่านจะชอบเมนูนี้นะคะ

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สปาเกตตี้ผัดหอยลาย ( spaghetti with Thai-style sauce with clam)


หอยลาย ฝรั่งเค้าเรียก clam เป็นส่วนผสมในหลายเมนูทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทย พอดีไปเจอหอยลายตัวเบ้อเริ้มมา สัญชาตญาณแม่บ้านมันอดไม่ได้ค่ะ มันต้องเอามาทำอะไรซักอย่าง เมนูวันนี้เลยเป็น fusion food แบบอาหารกึ่งฝรั่งกึ่งไทย " สปาเกตตี้ผัดหอยลาย" ให้รสชาติแซ่บๆ เอาใจคออาหารไทยแต่ยังได้อารมณ์อินเตอร์มาเป็นของแถม

เมนูนี้ ส่วนผสมง่ายๆ วิธีการทำก็ง่ายๆ เราเริ่มกันเลยนะคะ

ส่วนผสม
หอยลายสด ตัวใหญ่ๆ 500 กรัม
เส้นสปาเกตตี้ ครึ่งกล่อง
ใบกะเพรา
พริกขี้หนูสด
กระเทียม
น้ำมันหอย
น้ำตาล น้ำปลา ปริมาณตามชอบนะคะ

วิธีทำ
  1. ถ้าใช้หอยลายสด ล้างให้สะอาด นำหอยลายแช่น้ำเกลือนาน 30 นาที เพื่อให้หอยคายเศษทรายที่ปนเปื้อนให้หมด จากนั้นนำไปต้มให้ในน้ำเดือด ราว 3-5 นาที พอเห็นเปลือกหอยอ้าปุ๊บ ให้ปิดไฟทันทีค่ะ ส่วนใครหาหอยลายสดๆ ไม่ได้ ก็ใช้หอยลายแช่แข็งได้นะคะ สะดวกดีเช่นกัน
  2. นำหอยลายมาแกะเปลือกออกให้หมดและพักไว้
  3. จากนั้นมาเตรียมเส้นสปาเกตตี้ โดยต้มน้ำสะอาดให้เดือด เติมเกลือป่นลงไปราว 2 ช้อนชา และนำเส้นสปาเกตตี้ลงไปต้มราว 10 นาที ให้เส้นพอหนึบๆ ก็พอนะคะ อย่าเอาจนเละ หรือใครไม่แน่ใจว่าสปาเกตตี้ของตัวเองต้องต้มนานแค่ไหน ง่ายๆค่ะ อ่านจากข้างกล่อง พอเส้นสุกตามต้องการเราก็ปิดไฟ นำเส้นไปเดรนในน้ำเย็น เพื่อคงความเหนียวนุ่ม พักเส้นไว้ค่ะ
  4. ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อน ใส่กระเทียมสับลงไป ตามด้วยพริกขี้หนู และนำหอยลายลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล ให้ได้รสตามใจชอบค่ะ แต่ต้องให้รสเข้มนิดนึงเพราะเราต้องเอาไปคลุกกับเส้น จากนั้นเติมใบกะเพราะหรือใครหาไม่ได้ให้ใช้ใบโหระพา พอผักเริ่มสีเปลี่ยนปิดไฟเลยนะคะ
  5. นำเส้นสปาเกตตี้มาคลุกกับเนื้อหอยที่เราผัดไว้ค่ะ ค่อยๆคลุกอย่าให้เส้นขาด เพราะจะดูไม่สวยงามน่ารับประทาน คลุกจนเข้ากันดี และตักเสิร์ฟค่ะ
เจริญอาหารทุกทีเลย ถ้าได้รับประทานอาหารแซ่บๆ คิดถึงเมืองไทย คิดถึงอาหารไทย คิดถึงคนไทยด้วย

Bon appetite ทุกๆท่าน แม่ครัวลาไปก่อนนะคะ บายๆ ^^

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ไข่ลูกเขย (son-in-law eggs)



ลองไปค้นที่มาของเมนูไข่ลูกเขย เจออยู่ในเวบไซต์ยอดนิยมของคนไทย ขึ้นต้นด้วย พ. ไม่ต้องบอกก็เดาได้นะคะว่าเวบไซต์ไหน มีคนเอามาเล่าว่า ไข่ลูกเขยเป็นอาหารไทยสูตรโบราณ สมัยก่อนถ้าผู้ชายได้ผู้หญิงไปเป็นภรรยาตามประเพณีแล้ว เอาลูกสาวเค้าไปเลี้ยงดูไม่ดี แม่ยายจะทำไข่ลูกเขยให้รับประทาน อันเป็นสัญลักษณ์ว่า ถ้าคุณยังไม่ปรับตัว เลี้ยงดูลูกสาวชั้นให้ดีๆ คราวหน้านั้นจะมาทำไข่ลูกเขยให้รับประทานอีก แต่ใช้อวัยวะส่วนไหน ไม่ต้องบอกนะคะ.. ไม่ทราบว่าเรื่องเล่านี้ จริงเท็จแค่ไหน แต่ฟังแล้วมีอันเสียวสันหลัง ฮ่าๆๆ

ไข่ลูกเขยเป็นเมนูง่ายๆ ที่มีเครื่องปรุงไม่กี่อย่างค่ะ วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน เรามาเริ่มกันเลยนะคะ
ส่วนผสม
ไข่ไก่ต้ม
น้ำมะขามเปียก
น้ำตาลปี๊บ
น้ำปลา
หอมซอยทอด
น้ำมันมะกอก
วิธีทำ
  1. ต้มไข่ให้สุก สุกแค่ไหนแล้วแต่ความชอบนะคะ โดยส่วนตัวแม่ครัวชอบไข่สุก ไม่นิยมยางมะตูม วันนี้เลยต้ม 12 นาที ถ้าชอบยางมะตูมให้ต้มต่ำกว่า 10 นาทีค่ะ
  2. ปอกเปลือกไข่ที่ต้มสุกแล้ว และล้างให้สะอาด ผ่าแบ่งครึ่งซีก
  3. ตั้งน้ำมันให้ร้อนในกระทะ นำไข่ลงไปทอดให้เหลืองทั่วๆกัน แม่ครัวทอดไป ท่องเวบไซต์ไป ปรากฎว่าไข่ไหม้ ฮ่าๆ ต้องระวังนะคะ พยายามใช้ไฟอ่อนถึงปานกลางค่ะ พอไข่สีสวยแล้วตักออก และพักไว้
  4. มาปรุงน้ำราดไข่ลูกเขยกันนะคะ ใช้น้ำมะขามเปียกเข้มข้น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาเล็กน้อย ผสมให้เข้ากันในกระทะที่ตั้งไฟปานกลาง ชิมให้ได้รสตามชอบนะคะ เท่าที่รับประทานมา รสน้ำซอสจะออกเปรี้ยวหวานนำ เค็มออกรสน้อยมาก แต่ทั้งนี้แล้วแต่ความชอบของแม่ครัวแต่ละท่านค่ะ
  5. พอน้ำซอสเสร๊จแล้วนำมาราดบนไข่ที่เราทอดรอไว้เหลืองสวยน่ากิน ตักเสิร์ฟ พร้อมตกแต่งด้วยหอมเจียวและผักสีสวยๆ
ลูกเขยบ้านไหน กลับบ้านวันนี้เจอคุณแม่ยายทำไข่ลูกเขยรอ คงต้องรีบพิจารณาตัวเองนะคะว่า ลืมเอาใจใส่ภรรยาตัวเองรึปล่าว ^^ เอาเถอะค่ะ ไม่ว่าไข่ลูกเขยจานนี้จะมีที่มาอย่างไร ขอให้คุณพ่อบ้านและคุณแม่บ้าน อิ่มอร่อยกับอาหารจานนี้ และรักกันไปนานๆ สมความตั้งใจคุณแม่ยายนะคะ

วันนี้แม่ครัว ลาไปก่อน บายๆ ค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

หมูผัดน้ำเงี้ยว ( Northern-style curry with pork)


ผลพวงจากที่คุณแม่แพคน้ำพริกน้ำเงี้ยวมาให้ บวกกับความอยากกินขนมจีนน้ำเงี้ยวมากแต่หาเครื่องได้ไม่ครบ เลยลองประยุกต์ทำเมนูนี้ขึ้นมาเล่นๆ เสร็จออกมาหน้าตาดูได้ รสชาติก็พอไปวัดไปว่า แฟนๆ อาหารเหนือลองเอามาทำเล่นๆรับประทานดูนะคะ

ส่วนผสม
  • เนื้อหมู วันนี้เลือกเนื้อหมูติดมันที่เอามาทำสตูว์ ชิ้นอวบๆ จะได้กลิ่นไอขนมจีนน้ำเงี้ยวกระดูกหมู ที่คุณน้าที่บ้านชอบทำ
  • น้ำพริกทำน้ำเงี้ยว
  • หอมหัวใหญ่
  • ถั่วฝักยาว
  • นมสด
  • น้ำตาล น้ำปลา
  • น้ำมัน

วิธีทำ
  1. เตรียมหมูโดยล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม และหมักกับซีอิ๊วขาว พริกไทย รากผักชี ทิ้งไว้ข้ามคืนเนื้อจะนุ่มอร่อยมากค่ะ
  2. ตั้งกระทะให้น้ำมันร้อน นำน้พพริกน้ำเงี้ยวไปผัดจนกลิ่นหอม และเติมนมสดลงไปเล็กน้อยให้พอขลุกขลิก จากนั้นเติมน้ำตมกระดูกหมุไปเล็กน้อย ใส่เนื้อหมูที่เราหมักไว้ลงไปผัด จนเนื้อหมูเริ่มสุก จึงทยอยนำถั่วฝักยาวและต้นหอมใส่ลงไป
  3. ปรุงรส ตามชอบนะคะ เสียดายถ้าหาเลือดไก่ได้ จะเอามาผัดด้วย แต่หาไม่ได้ค่ะ เลยได้อารมณ์แบบเหนือประยุกต์ แต่กลิ่นหอมของน้ำพริกกับหมูนุ่มๆ ก็ทำให้หายคิดถึงบ้านไปเยอะเลยค่ะ